digital-lava.svg
ยิง ads google อย่างไรให้ได้ยอดขายเพิ่มขึ้น

ยิง ads google อย่างไรให้ได้ยอดขายเพิ่มขึ้น

 

 

การลงโฆษณาออนไลน์นั้น ถือได้ว่าเป็นอีกทางเลือก ที่จะช่วยให้เราได้กลุ่มลูกค้าเพิ่ม แม้ว่าในกระบวนการทำตลาดออนไลน์ เราสามารถหาลูกค้าได้หลากหลายวิธี ไม่จำเป็นที่จะต้องลงโฆษณาอย่างเดียว อาทิเช่น การลงประกาศในเว็บไซต์ที่เปิดให้ลงประกาศฟรี การลงขายสินค้าในเว็บ eCommerce หรือการทำ SEO ที่เป็นการทำอันดับ ให้เว็บของเรานั้นมีอันดับที่ดีในเครื่องมือค้นหา แต่หลายคนก็ไม่ละเลยที่จะศึกษาแนวทางการลงโฆษณา เพราะการลงโฆษณาออนไลน์ เป็นช่องทางที่เรามั่นใจได้ว่าจะช่วยให้เราเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายมาก ไม่จำเป็นที่จะต้องนั่งรอนาน ช่องทางอื่นนั้น เราอาจจะต้องรอเป็นเวลานาน กว่าที่เราจะเห็นผลลัพธ์ที่ดี ซึ่งอาจจะใช้เวลานับเดือนนับปีเลยก็ได้ แตกต่างกับการลงโฆษณา ที่จะช่วยให้เราเห็นผลลัพธ์ที่ดีทันทีที่สินค้าหรือบริการของเราถูกนำเสนอออกไป ทั้งนี้เราก็มีแนวคิดในการลงโฆษณาออนไลน์ ที่จะช่วยให้ท่านประสบความสำเร็จ ในการทำตลาดออนไลน์ในเวลาอันรวดเร็ว โดยที่ท่านไม่ต้องรอนานเป็นเดือนเป็นปีเหมือนกับการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายด้วยวิธีอื่น

 

 

แนวทางในการเริ่มต้นยิง ads google เพื่อที่จะช่วยให้ท่านประสบความสำเร็จได้นั้น ช่วงเริ่มต้น ทางเลือกที่ดีที่สุดก็คือเราจะต้องใส่คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องให้ได้มากที่สุด และพยายามนำเสนอสินค้าให้ดูกว้างมากที่สุด ปกติแล้วหลายคนอาจจะไม่ใช้วิธีนี้ เพราะการใช้วิธีนี้นั้นจะทำให้เราเข้าถึงกลุ่มลูกค้าหลากหลายประเภท ทั้งลูกค้าที่สนใจสินค้าของเราจริงๆ และกลุ่มลูกค้าที่ไม่ได้สนใจสินค้าเลยก็ได้ แต่ทราบหรือไม่ว่าการที่เราเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายนั้น จะช่วยให้เราทราบได้ว่า ตกลงแล้วกลุ่มเปา้มหายที่แท้จริงนั้น หรือลูกค้าที่มีความสนใจที่จะซื้อสินค้าจริงๆ มักจะค้นหาคีย์เวิร์ดอะไรกันแน่ เราจะได้รู้ว่าคีย์เวิร์ดไหน หรือเราจะต้องใช้คำประมาณไหน จึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ดี แต่หากเราเริ่มต้นด้วยการเจาะจงคีย์เวิร์ดมากเกินไป โดยใช้คำเพียงไม่กี่คำ เพราะต้องการลดความเสี่ยงนั้น บอกเลยว่าวิธีนี้จะทำให้เราเสียโอกาสเยอะมาก เพราะเราอาจจะขายได้เร็ว และมีค่าใช้จ่ายในการโฆษณาค่อนข้างต่ำก็จริง แต่เราจะไม่ได้กลุ่มลูกค้าเยอะแยะมากมาย ไม่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้ากลุ่มอื่นได้เลย เราจะได้ขายเพียงแค่กลุ่มลูกค้ากลุ่มเดียว เมื่อไหร่ก็ตามที่กลุ่มลูกค้ากลุ่มนั้นหมดไป หรือเราได้ขายให้กับลูกค้าในกลุ่มนั้นครบทุกคนแล้ว ธุรกิจของเราก็ไม่สามารถที่จะไปต่อได้ จึงทำให้เราขาดโอกาสที่จะได้ขยายตลาด สุดท้ายแล้วเราก็จะต้องปิดตัวลงไปในอนาคต

 

ดังนั้นในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้านั้น ให้เราเริ่มต้นด้วยการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในวงกว้าง พยายามใส่คีย์เวิร์ดกว้างๆ เพื่อช่วยให้มั่นใจได้ว่าเราจะได้เห็นกลุ่มลูกค้าอย่างหลากหลาย ที่เข้ามาสนใจหรือเลือกซื้อสินค้าของเรา แล้วเราค่อยคัดเอากลุ่มลูกค้าที่สนใจที่จะซื้อสินค้าจริงๆก็ได้

 

หลายๆคนอาจจะไม่ชอบการลงโฆษณากับ Google เพราะมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง มักจะต้องจ่ายเป็นคลิก เมื่อมีคนคลิกเข้ามาชมเว็บ ก็ต้องจ่ายค่าโฆษณาออกไปแล้ว แต่ทราบหรือไม่ว่าการโฆษณาผ่าน Google หรือการยิง ads google นั้น สามารถเจาะจงกลุ่มคนได้ โดยเจาะจงเฉพาะคนที่สนใจสินค้าจริงๆได้ไม่ยาก ก็จะทำให้เราเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายต่างๆ ที่มีความต้องการซื้อสินค้ามากกว่า ซึ่งการที่เราสามารถที่จะเข้าถึงกลุ่มคนที่สนใจตัวสินค้าจริงๆ เราสามารถที่จะปิดการขายได้ง่ายมาก เพราะกลุ่มเป้าหมายมีความต้องการอยู่แล้ว หรืออาจจะมีความรู้เกี่ยวกับตัวสินค้าอยู่แล้ว จึงมีความมั่นใจในตัวผลิตภัณฑ์มากกว่ากลุ่มคนที่ไม่เคยรู้จักสินค้ามาก่อนเลย จึงไม่แปลกที่การลงโฆษณากับ Google นั้น แม้จะเป็นทางเลือกที่มีค่าใช้จ่ายสูงก็จริง แต่ก็ทำให้ธุรกิจเห็นผลลัพธ์ที่ดีอย่างสม่ำเสมอ บางธุรกิจยอมขาดทุนจากการลองผิดลองถูก โดยการลงโฆษณา Google ดูก่อนในช่วงแรก ยอมเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายหลากหลายกลุ่ม เพื่อที่จะทราบได้ว่ากลุ่มลูกค้ามีกลุ่มไหนบ้าง ก็จะช่วยให้ทราบถึงกลุ่มลูกค้าในวงกว้าง เมื่อทราบแล้ว ก็กลับมาผลิตสินค้าเพื่อให้ทันตามความต้องการ บางธุรกิจผลิตสินค้าส่งขายไม่ทันกันเลยทีเดียว นั่นเป็นเพราะว่ารู้กลุ่มเป้าหมายทั้งหมด จนสามารถขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่ากันเลยทีเดียว

 

 

ถอดรหัส โลกเสมือนจริง ช่วยธุรกิจได้จริงหรือ?

ถอดรหัส โลกเสมือนจริง ช่วยธุรกิจได้จริงหรือ?

         ปัจจุบันโลกกำลังก้าวสู่ยุคของเทคโนโลยีโลกเสมือนจริง ที่มีเครื่อข่ายอินเทอร์เน็ตเป็นส่วนประกอบหลักที่ก่อให้เกิดการแข่งขันในการนำเทคโนโลยีมาใช้ทางธุรกิจ อย่าง Virtual Reality (VR) โลกเสมือน VR ทำให้เราวาร์ปการรับรู้ของผู้ใช้เข้าไปยังอีกโลกหนึ่ง โดยใช้การเรนเดอร์ด้วยคอมพิวเตอร์กราฟิกให้ออกมาสวยงามสมจริง จึงเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้คนเข้าถึงช่องทางการติดต่อสื่อสารใหม่ ๆ เราอาจจะพอนึกออกว่าเทคโนโลยีดังกล่าวนี้ถูกนำไปใช้ในด้านบันเทิงเสียมาก แต่จริง ๆ แล้วโลกเสมือนจริงสามารถช่วยภาคธุรกิจได้จริง ๆ น่ะหรือ เราจะพาถอดรหัสเพื่อหาคำตอบนั้นกันค่ะ

 

Virtual Reality (VR): เทคโนโลยีโลกเสมือน
            เป็นการจำลองวัตถุหรือองค์ประกอบเสมือนโดยผ่านอุปกรณ์สารสนเทศ ซึ่งผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องอยู่ในสถานที่นั้นเลยก็ได้ พูดง่าย ๆ คือการสร้างโลกเสมือนที่ตัดขาดโลกภายนอกได้อย่างไร้ร่องรอย โดยทั่วไปจะใช้อุปกรณ์อย่างแว่น VR เมื่อเราใส่แว่นนี้ บรรยากาศรอบข้างจะเปลี่ยนไปตามสถานที่เสมือนจริงต่าง ๆ ที่อยู่ในแว่น เราสามารถเห็นแบบ 360 องศา ซึ่งเราจะพบได้มากในอุตสาหกรรมบันเทิงอย่างธุรกิจเกมและการสื่อสารที่จะทำให้เราสามารถใกล้ชิดกันได้มากกว่าที่เคยเป็น

Picture1

 

 

Augmented Reality (AR): เมื่อโลกเสมือนมาบรรจบกับความจริง
        
เทคโนโลยีที่มีการผสมผสานโลกเสมือนเพิ่มเข้าไปในโลกแห่งความเป็นจริง เพื่อทำให้เกิดการกลมกลืนกันให้มากที่สุดจนมนุษย์อย่างเรา ๆ แยกไม่ออก โดยทำการเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์ เช่น Webcam สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ รวมถึงการใช้ Software ต่าง ๆ เพื่อจะทำให้ภาพที่เห็นในจอกลายเป็นภาพ 3 มิติ และมีมุมมอง 360 องศา อย่างเกมที่ดังมากในช่วงหลายปีที่ผ่าน “Pokemon GO” ซึ่งเราสามารถจับโปเกมอนที่โผล่ออกมาในสภาพแวดล้อมจริง ๆ ได้ผ่านทางสมาร์ทโฟน นับว่าประสบความสำเร็จแบบถล่มทลาย

picture1

 

Augmented Reality ก้าวมาสู่บทบาทในภาคธุรกิจ
          
 โดยเฉพาะเดี๋ยวนี้การให้ลูกค้าเข้ามามีส่วนร่วมในเรื่องราวของแบรนด์สินค้าหรือการเข้ามามีประสบการณ์ร่วมกับสินค้าถือเป็นส่วนสำคัญที่ส่งเสริมการขายได้เป็นอย่างดี ในขณะเดียวกัน Augmented Reality (AR) ในธุรกิจค้าปลีกต่าง ๆ ก็ได้นำเทคโนลีดังกล่าวนี้มาเชิญชวนให้ลูกค้าเข้ามามีประสบการณ์ร่วมกับสินค้าในโลกเสมือนจริงผ่านแอพพลิเคชั่น AR แบบโต้ตอบและนำเสนอมุมมองของตัวสินค้าในหลายมิติ ทั้งได้สัมผัส ทดลองสินค้า ซึ่งเป็นคีย์เวิร์ดสำคัญในการช่วยตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าทางออนไลน์ให้ง่ายขึ้นนั่นเอง เช่น ธุรกิจแบรนด์เครื่องแต่งกายและรองเท้าชื่อดังอย่าง Timberland ก็จับเอาเทคโนโลยี AR โดยการสร้าง Virtaul Fitting Mirror ขึ้นเพื่อให้ลูกค้าได้ลองนำผลิตภัณฑ์ของแบรนด์มาทาบกับตัวแทนการลองเสื้อผ้า รองเท้าจริง ๆ แน่นอนว่าลูกค้าสามารถสนุกสนานกับความแปลกใหม่และตื่นตาตื่นใจ

Picture3

            หรืออย่างแวดวง Jewelry เอง บางครั้งการเลือกซื้อออนไลน์แบบเดิม ๆ เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเครื่องประดับนั้นเหมาะสมกับเราหรือไม่ ถ้าเราไม่ได้ไปลองด้วยตัวเอง ด้วยความที่สินค้าอัญมณีเชื่อมโยงและสะท้อนกับวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน รวมถึงความหรูหราและราคาที่สูง ดังนั้น การนำเสนอสินค้าให้มีความน่าสนใจ มีสตอรี่เป็นเรื่องที่สำคัญที่จะนำมาเป็นจุดขายให้เกิดความโดดเด่นในการตลาดที่มีการแข่งขันสูง โดยเฉพาะการขายบนโลกออนไลน์ ที่ได้นำแอพพลิเคชั่น และการถ่ายภาพมาเชื่อมต่อกันเพื่อให้ลูกค้าได้ลองสินค้าจริง ๆ โดยที่ไม่ต้องเดินทางไปยังหน้าร้าน

 

Picture4

Picture5

            นอกจากการเล่าเรื่องราว การสร้างประสบการณ์ร่วมระหว่างแบรนด์สินค้าและลูกค้าแล้ว ยังเป็นการสร้างความพึงพอใจ ความเชื่อมั่นและโน้มน้าวให้เกิดการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าได้มากขึ้นด้วย   

 

            นอกจากนี้ เทคโนโลยีเสมือนจริง (AR) เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่สามารถใช้ในการเผยแพร่แบรนด์สินค้าไปทั่วโลก ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มคนได้เป็นจำนวนมาก เพียงแค่มีสมาร์ทโฟนเครื่องเดียว เปรียบเทียบกับกลยุทธ์ทางการตลาดเดิม ๆ ที่นำเสนอขายเครื่องประดับในแคตตาล็อกราคาแพงพร้อมภาพสุดหรู กับการใช้ Augmented Reality (AR) ทำให้ลูกค้ามีความมั่นใจมากขึ้น นั่นเป็นการแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างได้อย่างชัดเจนโดย AR สามารถนำเสนอข้อมูล ทั้งในการถ่ายทอดเรื่องราว การสัมผัสกับสินค้าเสมือนจริง ซึ่งสามารถให้รายละเอียดให้กับลูกค้าได้ในทุกมุมมอง AR จะเป็นตัวช่วยเพิ่มความเสมือนจริง และยังช่วยให้ลูกค้าได้รับข้อมูลอย่างเพียงพอและมั่นใจก่อนที่จะตัดสินใจซื้อนั่นเอง

ความท้าทายของธุรกิจ ทำอย่างไรให้รอดในยุคโควิด

ความท้าทายของธุรกิจ ทำอย่างไรให้รอดในยุคโควิด

ฉันต้องรอด! – ฝ่าภาวะวิกฤตเพื่อไปเจอวิกฤตกว่า
          
ใครที่กำลังโอดโอยว่าโควิดทำเศรษฐกิจตอนนี้แย่ แล้วคิดว่าถ้าจบโควิดแล้วอะไรจะดีกว่านี้ บอกเลยว่า หลังจากที่เศรษฐกิจพัง ยังต้องใช้เวลาที่จะเยียวยา ฟื้นฟูต่ออีก 1 – 2 ปี โน้นแหละค่ะ แต่เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งตาย เพราะเราต้องรอด! เราจะมาเตรียมตัวเพื่อฝ่าวิกฤตนี้กัน

 

 1.New Normal ในทุกกระบวนการ

                     ธุรกิจต้องเริ่มตื่นตัวที่จะเปลี่ยนกลยุทธ์และ Business Model เพื่อเพิ่มช่องทางในการหารายได้ หากคุณยังยึดติดอยู่กับวิธีการเดิม ๆ เท่ากับว่าคุณกำลังสวนกระแสวิกฤตที่กำลังเกิดขึ้น นั่นแปลว่าคุณกำลังฆ่าตัวตาย กลยุทธ์ที่กำลังมาในช่วงเวลานี้ ที่ต่อเนื่องติดพันมาตั้งแต่ช่วงกักตัว นั่นคือ การเปลี่ยนจากธุรกิจออฟไลน์ไปสู่ออนไลน์ จะเห็นได้ว่าช่วงกักตัว ผู้คนต่างใช้บริการออนไลน์กันเพิ่มขึ้นทวีคูณ ซึ่งยังคงต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้ ถือว่าเป็น New Normal ที่คนเริ่มคุ้นชิน สะดวกใจที่จะใช้บริการ การจับจ่ายซื้อของเกิดขึ้นได้ง่ายและรวดเร็ว นั่นจึงเป็นโอกาสที่ดีที่คุณจะคว้าเอาไว้ ส่วน Business Model  คุณจะต้องสภาพของตลาดตอนนี้ให้ออก เช่น เมื่อก่อนคุณอาจจะขายหน้าร้านเป็นหลัก แต่พอเจอโควิด คนมาเดินน้อยลง คนซื้อออนไลน์มากขึ้น ถ้าคุณยังดื้อดึงที่จะขายหน้าร้าน ธุรกิจคุณคงหายไปในเร็ววันแน่ ๆ และอย่าสุดท้าย คือ การแตกไลน์ของธุรกิจให้น่าสนใจมากขึ้น คุณอาจจะต้องลองทำ Mind Map ความคิดสักหน่อยว่า สินค้าของคุณมันตันแล้วหรือยัง ถ้ายัง สามารถต่อยอดอะไรออกไปได้บ้าง ซึ่งถ้าอันหนึ่งไม่ดี แต่อีกอันดีกว่า เราก็สามารถเทไปยังอันที่ดีกว่าได้นั่นเอง

 

 

 2.ใช้ประโยชน์จากมาตรการเยียวยาของภาครัฐ

                    ผู้ประกอบการและเจ้าของกิจการจะต้องรีบประเมินสถานการณ์ธุรกิจของตัวเอง และวางแผน แนวทางที่จะนำเอามาตรการของภาครัฐมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับกิจการของตนเองมากที่สุด โดยอย่าไปจำกัดแค่ในเรื่องการกู้ยืมเงิน เพราะนั่นไม่ใช่ทางออกที่ดีนัก แต่ควรขอคำปรึกษาเพื่อที่จะใช้ปรับปรุงกิจการ หรือกระบวนการภายในบริษัทให้ดีขึ้นกว่าเดิม การแนะนำเช่นนี้ไม่ได้หมายความว่าให้คุณงอมืองอเท้าเพื่อให้ภาครัฐเยียวยาอย่างเดียวนะคะ เพราะท้ายที่สุด การช่วยเหลือตัวเองคือทางออกที่ดีที่สุดแล้ว ไม่มีใครรู้ปัญหาได้ดีเท่ากับตัวผู้ประกอบการเอง

3.เทคโนโลยี : กุญแจสำคัญที่จะพาให้ธุรกิจรอด

                    จากการสำรวจพบว่าหนึ่งในธุรกิจที่จะยังคงอยู่ได้ในสภาวะเช่นนี้ นั่นคือ ธุรกิจด้านเทคโนโลยี นั่นแปลว่าการเปิดรับเทคโนโลยีเข้ามาเป็นตัวช่วยในธุรกิจของคุณเป็นเรื่องที่ควรทำ หากผู้ประกอบการหรือเจ้าของกิจการสามารถนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุดได้ จะเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากเทคโนโลยีจะเป็นกุญแจสำคัญในการลดปัญหาเรื่องต้นทุนค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนที่มาจากมนุษย์อย่างการจ้างพนักงานเพิ่ม หรือต้นทุนที่มาจากทรัพยากร ข้าวของเครื่องใช้ และยังเป็นตัวช่วยเพิ่มผลผลิตต่าง ๆ ในระยะเวลาที่สั้นที่สุดด้วย ให้เราจำไว้เสมอว่า ธุรกิจที่ฟื้นตัวได้เร็ว จะมีโอกาสอยู่รอดในช่วงหลังโควิดมากที่สุด และเราควรมองจุดนี้ให้เป็นโอกาสที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในภาคธุรกิจ เพราะตอนนี้เศรษฐกิจของโลกกำลังเปลี่ยนผ่านจากยุคเดิม ๆ ไปสู่ยุคดิจิทัลมากขึ้น เราจึงควรมีความคิดสร้างสรรค์ การไม่ยึดติดกับอะไรเดิม ๆ และเปิดใจกว้างต่อการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ด้วย

 

 

4.การรักษาความสัมพันธ์ของกลุ่มฐานลูกเก่า

                    หากคุณมีลูกค้าเก่าที่มีความเป็น Brand Loyalty แล้วล่ะก็ ควรเก็บรักษาพวกเขาเหล่านั้นไว้ให้ดี ๆ นะคะ เพราะภาวะแบบนี้มันยากจริง ๆ ที่จะหาลูกค้าใหม่ คุณอาจจะใช้วิธีพึ่งพากันระหว่างธุรกิจของคุณและกับของลูกค้า เพื่อให้เกิดการเป็นพาร์ทเนอร์ซึ่งกันและกัน การดูแลแบบถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน จะช่วยให้เรา win-win ด้วยกันทั้งคู่นั่นเอง

            ใครกำลังประสบกับปัญหาจากวิกฤตตรงนี้ สามารถลองเอาคำแนะนำข้างต้นนี้ไปปรับใช้กับธุรกิจของตนเองดูได้ค่ะ สิ่งสำคัญคือการเผชิญหน้ากับปัญหาและอุปสรรคเหล่านี้ เพราะอย่างไรเสีย เราก็ยังต้องเจอกับปัญหาอยู่เรื่อย ๆ สู้กับมันให้เต็มที่ ขอเป็นกำลังดี ๆ ให้กับทุกคนนะคะ

Quicklinks
News
Technology
Business
Lifestyle
Health
รีวิวสินค้าและบริการ
ข่าวPR
ติดต่อเรา
เกี่ยวกับเรา

Digital Lava เว็บข่าวสาร เทคโนโลยี ไลฟ์สไตล์ สุขภาพ ไลฟ์สไตล์ 
-ติดต่องาน รีวิวสินค้า ลงโฆษณาสินค้า ทำข่าวPR เขียนโปรโมทธุรกิจ ทำคลิปรีวิว
(คลิก)ดูรายละเอียดเพิ่มเติม         
           หรือ
โทร 065-164-2649
คลิก Add Line สอบถาม

336121
วันนี้
เมื่อวาน
เดือนที่แล้ว
ทั้งหมด
266
332
12013
336121

สนใจลงโฆษณา/ฝากข่าวPR
finexdesign.info@gmail.com