มาดูกันว่าความสำเร็จของ "ดาบพิฆาตอสูร" การ์ตูนขวัญใจของใครหลายๆคน ได้สร้างปรากฏการณ์อะไรบนโลกนี้บ้าง

ปรากฏการณ์ที่1

วงการหนังสือมังงะ โตทั้งระบบมากกว่า 20%

ส่งผลให้วงการหนังสือการ์ตูนมังงะ(Manga)มียอดขายพุ่งขึ้นทั้งระบบทั่วประเทศทันทีมากกว่า 20 % โดยก่อนหน้านี้ตั้งแต่ปี2014จะเห็นว่าวงการหนังสือการ์ตูนแบบมังงะนั้นไม่มีการเติบโตขึ้นเลย ซึ่งหลังจากที่ดาบพิฆาตอสูรมีการวางจำหน่ายหนังสือมังงะ เราจะเห็นได้ว่าวงการนี้มีการเติบโตขึ้นทันที 20 % ในปี2020 โตขึ้นแบบทั้งระบบทั่วประเทศ ซึ่งถือเป็นการเติบโตแบบมีนัยยะสำคัญในช่วงที่ดาบพิฆาตอสูรมีการวางจำหน่ายนั่นเองครับ

ปรากฎการณ์ที่2

ขึ้นแทนอนิเมะ รายได้สูงสุดตลอดกาล (รายได้ทั่วโลก 453 ล้าน USD )

จากการ์ตูนสู่ซีรีส์ จากซีรีส์ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์อนิเมะ ดาบพิฆาตอสูร เดอะมูฟวี่ : ศึกรถไฟสู่นิรันดร์ ขึ้นแท่นสถิติอนิเมะทำเงินสูงสุดตลอดกาล ด้วยรายได้ทั่วโลกถึง 453 ล้าน USD

ปรากฎการณ์ที่3

ขึ้นทำเนียบแฟรนไชน์สื่อแสนล้าน

แน่นอนว่ารายได้ที่เกิดการขายลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ การ์ตูน โมเดล สินค้าต่างๆที่เกี่ยวข้องกับดาบพิฆาตอสูร ส่งผลให้แฟรนไชส์การ์ตูนเรื่องนี้มีมูลค่าพุ่งขึ้นไปสูงมากกว่าสามแสนล้านบาทเลยทีเดียว คิดง่ายๆว่ามูลค่าของการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องนี้มากกว่านิคมอุตสาหกรรมบางที่ในประเทศไทยบ้านเราอีกนะครับซึ่งเป็นอะไรที่น่าสนใจมากว่าการ์ตูนญี่ปุ่นมันจะสร้างรายได้มหาศาลมากมายขนาดนี้เลยทีเดียว  

ซึ่งถ้าเรามาดูมูลค่าของแฟรนไชส์สื่อที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก จะเห็นได้ว่าการ์ตูนจากประเทศญี่ปุ่นติดอันดับถึง 2 รายการ จาก 3 อันดับบนสุด โดยอันดับ 1 ก็คือโปเกม่อน, อันดับ 2 ก็คือHello Kitty , ส่วนอันดับ 3 คือ วินนี่-เดอะ-พูห์ นั่นเองครับ

แน่นอนว่าดาบพิฆาตอสูรแม้ตอนนี้อาจจะยังไม่ขึ้นใน 10 อันดับแรกบนตารางแต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นการ์ตูนแสนล้านเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ไม่แน่ว่าในอนาคตเราอาจเห็นดาบพิฆาตอสูรเข้ามาติดอันดับสื่อที่มูลค่าสูงสุดในโลกก็เป็นได้ ซึ่งผู้เขียนเชื่อว่าการ์ตูนเรื่องดาบพิฆาตอสูรคงจะเป็น1ในดวงใจของใครหลายคนอย่างแน่นอน    มาถึงตอนนี้แล้วผู้อ่านคิดเห็นอย่างไรกับการ์ตูนเรื่องนี้บ้าง ชอบตัวละครตัวไหนในเรื่องดาบพิฆาตอสูรกันบ้างครับ ส่วนผู้เขียนชอบตัวละครตัวที่ชื่อว่าโดมะ ครับ

เป็นหนังอีกเรี่องนึงที่หลายๆคนกำลังเฝ้ารอคอยอย่าง Monster Hunter :  Legends of the Guild ซึ่งได้สร้างและอ้างอิงมาจากเกมส์ชื่อดัง Monster Hunter จากค่าย Capcom ที่ได้สร้างยอดขายอย่างถล่มทลายมาแล้วทั่วโลก โดยจะเข้าฉายทาง Netflix ในวันที่ 12 สิงหาคม 2021 ที่จะถึงนี้

โดยเนื้อเรื่องของ Monster Hunter : Legends of the Guild นั้นจะเน้นน้ำหนักไปในเรื่องของการผจญภัยของเด็กหนุ่มที่ชื่อว่า Aiden (แอบคล้ายโทนีจา เวอร์ชั่นฝรั่ง) กับแมวคู่หู Julius ซึ่งพวกเขาทั้งคู่ต้องออกเดินทางผจญภัยร่วมกับนักล่ารุ่นพี่เพื่อปราบมังกรโบราณที่มีชื่อว่า Lunastra(ลูนาสตร้า) ศัตรูตัวสำคัญตัวสำคัญที่มีพลังไฟทำลายล้างขั้นสูง   ภาพยนต์เรื่องนี้จัดว่ามีเนื้อเรื่องใกล้เคียงกับเกมส์ต้นฉบับ Monster Hunterเป็นอย่างมากจึงทำให้เป็นที่ถูกใจของเหล่าแฟนๆ เป็นจำนวนมาก

ประเทศโมนาโก(Monaco)เป็นประเทศที่มีพื้นที่ติดกับประเทศฝรั่งเศสและที่สำคัญคือทั้งประเทศมีพื้นที่เพียง 1.96 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น ซึ่งประเทศนี้มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ30,000คน ( ประเทศนี้ถูกจัดให้มีประชากรหนาแน่นติดอันดับโลกด้วยนะครับ)  คิดง่ายๆก็คือเล็กกว่าตำบลกับสำโรงเหนือ ของจังหวัดสมุทรปราการในประเทศไทยบ้านเราถึงเกือบ 2 เท่า! แต่คนอาศัยอยู่กันแน่นมาก ไม่รู้พวกเค้าอึดอัดกันไหมนะ  

ซึ่งประเทศโมนาโกมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจโลกในแง่ที่ว่าประเทศนี้นะครับมีรายได้GDPรายได้ต่อหัวของประชากรสูงเป็นอันดับ1ของโลกเลยทีเดียวครับ เอาง่ายๆมีแต่คนรวยกันทั้งประเทศ555+

โดยล่าสุดนะครับเว็บไซต์ World Population Review ได้จัดอันดับให้ประเทศโมนาโกได้คะแนนสูงถึง 78.74% ในฐานะประเทศที่มีความหนาแน่นของมหาเศรษฐีสูงเป็นอันดับหนึ่งของโลกเชียวน้า   คือเมืองนี้เอาง่ายๆเดินไปทางไหนก็เจอแต่มหาเศรษฐีเต็มเมืองไปหมด รถหรูๆจอดกันให้พรึบ ในขณะที่ประเทศเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่อย่างอเมริกาได้คะแนนอยู่เพียง 1.8 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง และไม่ใช่แค่อเมริกาเท่านั้นนะ แม้แต่จีน ญี่ปุ่น สิงคโป ก็ยังต้องยอมพ่ายแพ้ต่อดัชนีความรวยของประเทศโมนาโก เอาง่ายโมนาโกประเทศเดียวสามารถชนะทั้งโลกสบายๆ(ในแง่ความรวยและGDP)

ซึ่งจุดเด่นของประเทศโมนาโกคือรัฐบาลของเขาไม่จัดเก็บภาษีรายได้และภาษีมรดกนะครับ ทำให้ข้อนี้เป็นแรงจูงใจให้มหาเศรษฐีทั่วโลกอยากจะย้ายมาอยู่ที่ประเทศนี้กันถ้วนหน้า ก็แหงหละ หาเงินได้เท่าไหร่ก็ไม่ต้องจ่ายภาษีสินะ! แต่บอกอย่างหนึ่งว่าที่นี่ข้าวของเครื่องใช้อาหารการกินแพงหูฉี่จนร้องกรี๊ดที่เดียว  แม้ว่าโมนาโกขึ้นชื่อเรื่องความรวยแต่รัฐบาลที่นี่เข้าก็เก่งกาจในการหาเงินเข้าประเทศไม่แพ้ชาติใดด้วยการเปิดคาสิโนแบบผูกขาดสร้างรายได้ให้กับประเทศชนิดว่ามหาศาลเลยทีเดียวครับ

ซึ่งการที่คุณจะย้ายไปอยู่ที่ประเทศโมนาโกเนี่ยคุณรวยอย่างเดียวไม่ได้นะครับ คือคุณต้องเป็นมหาเศรษฐีพันล้านนะครับ! ถึงจะอยู่ที่ได้สบายโดยไม่ลำบาก เพราะว่าที่นี่พวกอสังหาริมทรัพย์อย่างคอนโดเนี่ยราคาขายเริ่มต้นต่ำๆอยู่ที่ประมาณสี่ล้านยูโร หรือว่าคิดเป็นเงินไทยประมาณ ร้อยห้าสิบล้านบาทไทยนะครับ ซึ่งทำให้อสังหาฯที่โมนาโกถูกจัดว่าแพงกว่านอสังหาฯทุกที่บนโลกแม้แต่ฮ่องกงที่อสังหาว่าแพงจัดๆแล้ว พอเจอโมนาโกเข้าไปกลายเป็นจิ๊บๆไปเลย เพราะราคาที่ดินของประเทศโมนาโกแพงเป็นอันดับ1ของโลกนั่นเอง เห็นอย่างนี้ผู้อ่านสนใจย้ายไปอยู่โมนาโกกันไหมคับ

@finexworldofficial #monaco #ประเทศโมนาโก #ศูนย์รวมมหาเศรษฐีพันล้านของโลก ##ทุกพื้นที่มีแต่เศรษฐี#d#digitallavaด#ดิจิตอลลาวา ♬ Tutorial / Digital / Advanced / IT - MATSU

         ตั้งแต่โควิดมาผู้คนก็เริ่มหันมาสนใจการปลูกต้นไม้มากขึ้น โดยเฉพาะไม้อวบน้ำอย่าง “แคคตัส” ซึ่งกลุ่มผู้สนใจมีทุกเพศ ทุกวัยจริง ๆ ค่ะ สังเกตได้จากเมื่อสองเดือนก่อน ได้มีการจัดงาน Cactus & Succulent Fair ที่ห้างแห่งหนึ่ง คนเยอะมาก หางแถวเกือบทะลุลานจอดรถ เพราะความบูมแบบนี้ บางคนจึงนำงานอดิเรก ความชอบ มาเปลี่ยนเป็นรายได้ แต่หลายคนยังเก้ ๆ กัง ๆ ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร และยังมองภาพไม่ออกว่า แคคตัสทำเงินได้อย่างไร เราจะพาไปเจาะลึกกันค่ะ

มือใหม่หัดปลูก
            แค่มีใจรักที่จะปลุกอย่างเดียวไม่สามารถทำให้ต้นไม้เติบโตสวยงามได้ เพราะหากคุณไม่รู้ถึงธรรมชาติของต้ยไม้แต่ละต้น ก็จะทำให้คุณดูแลเขาได้ไม่ตรงจุด เหมือนอย่างแคคตัสเอง แม้ว่าแคคตัสจะเป็นต้นไม้ทนแล้ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกชนิดจะไม่ชอบน้ำ แน่นอนว่าเกิดเราไม่รู้ว่าสายพันธุ์ที่เราเลี้ยงจริง ๆ แล้วชอบน้ำเยอะ แต่เราแทบจะไม่รดน้ำเขาเลย ตายสิคะ ดังนั้น สิ่งที่มือใหม่หัดปลูกแคคตัสควรรู้ มีดดังนี้
             1. ก่อนที่คุณจะปลูกแคคตัส อย่าลืมที่จะศึกษาธรรมชาติของแต่ละสายพันธุ์ ว่าเขาชอบ ไม่ชอบอะไร กลางวันและกลางคืนควรดูแลอย่างไร
             2. ในประเทศไทยมีสายพันธุ์ที่นิยมปลูกมีอยู่ด้วยกัน 3 สายพันธุ์ ได้แก่ Mammillaria, Astrophytum asterias และ Gymnocalycium mihanovichii
             3. หัวใจของการปลูกแคคตัส คือการผสมเครื่องปลูกเพราะแคคตัสเป็นต้นไม้ที่ต้องการการระบายน้ำที่ดี ไม่มีน้ำขังจนดินแฉะ และไม่ควรกักเก็บความชื้นไว้นาน

            4.ช่วงแรกของการปลูกไม่ควรรดน้ำทันที ควรเว้นระยะสัก 2 – 3 วัน เพื่อป้องกันการเน่า และการให้น้ำโดยทั่วไป 2-3 ครั้ง/ สัปดาห์ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมของโรงเรือนด้วย หลัก ๆ ให้สังเกตที่ดิน ถ้าหากดินเริ่มแห้ง 2 – 3 วันค่อยรดที
            5. แสงแดดเป็นอีกปัจจัยที่สำคัญในการปลูกแคคตัส หลังการปลูก ไม่ควรนำแคคตัสไปรับแสงแดดจัด แต่ควรนำไปจัดวางในที่ที่มีแดดรำไรก่อน เมื่อส่วนยอดของต้นเริ่มเติบโต จึงค่อยเพิ่มปริมาณการรับแดให้มากขึ้น ระยะเวลาในการรับแสงที่เหมาะสม อย่างน้อย 6 – 8 ชั่วโมง
            6. สิ่งสำคัญที่พากันตกม้าตาย สร้างปัญหาให้ทั้งมือใหม่และมืออาชีพ นั่นคือ โรคที่อาจเกิดขึ้นกับต้นแคคตัสและแมลงต่าง ๆ เช่น ราสนิม เพลี้ยแป้ง ไรแดง หากเจอควรรีบไปซื้อยาเพื่อป้องกันไม่ให้ลำต้นถูกทำลายจนเกินเยียวยา

การบริหารจัดการให้คืนทุนได้ไว
          พอเราปลูกเป็นแล้ว สเต็ปต่อไปคือเรื่องของการขาย แนะนำว่าให้ไปอย่างช้า ๆ ลองผิดลองถูก แล้วเราจะจับทางได้เอง แต่ขอแนะนำการบริหารจัดการอย่างง่าย ๆ ให้คืนทุนได้ไว ดังนี้
            1. ต้องมีวินัยในการใช้เงินซื้อต้นไม้ อย่าซื้อจนเงินจม
            2. เลือกพ่อพันธุ์แม่พันธุที่ราคาไม่สูงจนเกินไป
            3. เรียนรู้ที่จะขยายพันธุ์ด้วยวิธีต่าง ๆ ทั้งเพาะเมล็ด ผสมเกสร ปักยอด แยกกอ หรือนำแต่ละสายพันธุ์มาผสมกันจนเกิดเป็นความหลากหลายเพื่อเพิ่มมูลค่า

            4.เข้าใจธรรมชาติของมัน ในการปลูกเลี้ยงจึงควรถนอมให้พ่อแม่พันธุ์ใช้งานได้นาน ๆ
            5. หาตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าอย่างทั่วถึง
            6. ถามตัวเองว่าเป้าหมายในการขายคืออะไร บางคนอยากสบายก็เล่นต้นแพง ลงทุนตัดใจซื้อพันธุ์ดี ๆ ที่คนไม่ค่อยทำ นำมาขยายต่อ ซึ่งต้องแลกมากับต้นทุนที่สูง หรืออยากรวย ก็ซื้อพันธุ์ธรรมดา เน้นซื้อง่าย ขายคล่อง ขายได้เรื่อย ๆ
            7. การซื้อขายเมล็ดเป็นอีกสิ่งที่กำลังได้รับนิยม ถ้าอยากคืนทุน การขายเมล็ดเป็นทางเลือกที่ดีอย่างหนึ่ง พันธุ์ธรรมดาตกเมล็ดละ 1 บาท เราหาเมล็ดได้จากการผสมเกสร แล้วจะได้เป็นฝักออกมาค่ะ ใน 1 ฝักมีหลายร้อยเมล็ด และแต่ละต้นมีประมาณ 7 – 8 ฝัก นั่นแปลว่า ถ้าคิดจะขายเมล็ดอย่างจริงจัง ไม่ยากที่จะคืนทุนได้ไว
            8. หากใครไม่อยากขายเมล็ด ก็นำไปเพาะต่อและเลี้ยงให้โตเพื่อนำไปขาย หรือหากใครโชคดีหน่อย อาจจะได้มูลค่าเพิ่มจากการกลายพันธุ์ของเมล็ด

            แค่เริ่มต้นจากความชอบก็สามารถเปลี่ยนเป็นรายได้เดือนละหลายพัน แต่สิ่งสำคัญคือวินัยในการจัดการและการศึกษาธรรมชาติของแคคตัส หากใครมีความชอบเป็นทุนเดิมแล้ว เริ่มลงมือทำกันได้เลย